มารู้จัก อะไรใหม่ ๆ กัน
เครื่องตรวจโลหะ สนามบิน ตรวจพบกรรไกรในช่องท้องของ ผู้โดยสาร เกาหลีใต้
หากพูดถึง เครื่องตรวจจับโลหะ(Metal Detector)แล้ว หลายๆคนคงอาจจะเคยได้ยินได้เห็นผ่านหูผ่านตามาบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่อาจมีคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้มีโอกาสสัมผัสและใช้งานอย่างแท้จริง ซึ่ง เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) ถูกนำเข้ามาเพื่อใช้งานตรวจหาโลหะสิ่งแปลกปลอมในสินค้าหรือวัตถุดิบ ใช้สแกนโลหะทางโบราณคดีทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งใช้ตรวจโลหะชั้นสูงจำพวก ทองคำ เงิน เครื่องเพชรพลอย หรืออาวุธที่ติดตัวคน เช่น มีดและปืน โดยเฉพาะในหน่วยงานความปลอดภัยของสนามบินมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย ทีมีเหตุการณ์สแกนโลหะเจอกรรไกรในท้องของผู้โดยสารเครืองบิน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อตรวจพบโลหะเครื่องจะส่งสัญญาณเสียงแจ้งเตือนและหลอดไฟ LED จะแสดงสถานะการตรวจจับให้ทราบ จุดเริ่มต้นประดิษฐ์ เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) สำหรับต้นกำเนิด เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) นั้นสามารถย้อนกลับไปไกลถึงราวปี คศ. 1820 หรือ พศ. 2363 ตรงกับรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ค้นพบสนามแม่เหล็กจากการปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวด ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ เครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) ที่ใช้ในปัจจุบัน ด้วยหลักการนี้ “อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล” เป็นนักประดิษฐ์คนแรกที่สร้าง เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) ได้สำเร็จ แต่จุดประสงค์การสร้างในครั้งนั้น ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เพื่อรักษาความปลอดภัย แต่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยชีวิตประธานาธิบดี เจมส์ การ์ฟิลด์ ประธานาธิบดีคนที่ 20 ของสหรัฐอเมริกา จากการถูกลอบยิงในปี 1881 ได้ประดิษฐ์เครื่องตรวจจับโลหะ(Metal Detector) ค้นหาลูกกระสุนปืนที่ถูกฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์โดยอาศัยหลักการสนามแม่เหล็กไฟฟ้า นั้นเอง เครื่องตรวจโลหะ ตรวจพบ “กรรไรผ่าตัด” ในช่องท้องผู้โดยสาร เครื่องตรวจจับโลหะ(Metal Detector) ยังสามารถสแกนโลหะแปลกปลอมในท้องของคนได้อีกด้วย จากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะผู้โดยสารหญิงชาวเกาหลีใต้ นางปาร์ค อายุ 47 ปี เจ้าของบริษัททัวร์คนหนึ่ง เดินผ่านประตูตรวจจับโลหะ ทำการตรวจเช็คความปลอดภัยที่สนามบิน เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) กลับส่งเสียงดังตลอด จนเจ้าหน้าที่ของสนามบินต้องเรียกตัวไว้พร้อมทำการตรวจค้นแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด จนเจ้าหน้าที่ต้องทำการเอ็กซ์เรย์ และต้องตะลึง พบวัตถุแปลกปลอมเป็น “กรรไรผ่าตัด” อยู่ภายในท้องของเธอ ความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เธอจึงได้นำภาพเอ็กซ์เรย์ไปยื่นต่อโรงพยาบาล ทางแพทย์จึงตกใจและรีบทำการผ่าตัดเอากรรไกรนี้ออกให้ทันที โรงพยาบาล เกาหลีใต้ ลืม “กรรไรผ่าตัด” ในช่องท้องคนไข้ ปลายปีที่แล้ว นางปาร์คเคยเข้ารับการผ่าตัดไขมันในช่องท้องที่โรงพยาบาลในเมืองซูวอน จังหวัดคยองกี เกาหลีใต้ ซึ่งการผ่าตัดแพทย์ครั้งนั้นแพทย์ได้ลืมกรรไกรผ่าตัดอันนี้ไว้ในท้องของเธอ หลังจากผ่าตัดเธอรู้สึกเจ็บเหมือนเข็มทิ่มแทงที่ท้อง จึงไปสอบถามแพทย์ที่โรงพยาบาล แต่ทางแพทย์ก็ไม่ได้จัดการใดๆ ให้ บอกคนไข้ว่าเป็นผลจากหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้วหลังจากสิ้นสุดการผ่าตัดทีมแพทย์ผ่าตัดจะต้องมีการนับจำนวนเครื่องมือในการผ่าตัดด้วยว่ายังมีครบหรือไม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการผ่าตัดครั้งนั้นทีมแพทย์ไม่ได้ทำตามขั้นตอนพื้นฐาน ปัจจุบันนางปาร์คได้ว่าจ้างทนายความยื่นเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว โชคดีทีนางได้เดินผ่าน ระบบรักษาความปลอดภัยและ เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) สแกนโลหะก่อนขึ้นเครื่องบิน จึงได้ตรวจพบเจอสาเหตุที่นางปวดท้องบ่อย ๆๆ Cr.สนุก
0 Comments
รักษาความปลอดภัย ระดับโลก ประชุมสุดยอด (ซัมมิต) ณ เวียดนาม
ผลความสำเร็จการเจรจร นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือและคณะที่มาประชุมสุดยอด (ซัมมิต) ครั้งที่สองกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ณ บ้านพักรับรองของรัฐบาลเวียดนามหรือโรงแรมเมโทรโปล ประเทศเวียดนาม เมื่อเป็นคนสำคัญระดับที่ใครต่อใครก็เรียกขานว่าผู้นำโลกมาตรการรักษาความปลอดภัยจึงเข้มงวดมากเป็นขั้นซุปเปอร์ระดับโลก ต่างก็มีพื้นฐานมาจากการวางระบบรักษาปลอดภัยที่ใช้ปฏิบัติกันอย่างจริงจัง หลายเรื่องราวที่เราๆอาจเคยเห็นในหนังแอคชั่นหลายต่อหลายเรื่องจนบางทีต้องอุทานออกมาว่า ทำขนาดนั้นเชียว กล้องวงจรปิด เครื่องตรวจจับโลหะ สุนัขดมกลิ่น เริ่มจากการติดตั้งกล้องวงจรปิดในเส้นทางและสถานที่ที่ผู้นำคนสำคัญต้องพำนัก เดินทางผ่าน หรือประกอบกิจกรรมตามคำเชิญ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวทุกจอในห้องควบคุม การตรวจสอบก่อนผู้นำเดินทางมาถึงนั้น ชุดล่วงหน้าจะเข้าสแกนพื้นที่ทั้งหมดอย่างละเอียดด้วย เครื่องตรวจจับโลหะ ดีที่สุด (Metal Detector) รวมทั้งเช็กลูกบิดประตู ท่อแอร์ สายไฟ ปลั๊กไฟ ต่างๆ เป้าหมายก็เพื่อตรวจหาอุปกรณ์การดักฟัง หรือกล้องบันทึกภาพ หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นใดที่ไม่ควรมี นอกจากนี้ยังใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อการอารักขา การเดินทางเยือนของผู้นำทั้ง 2 ประเทศในครั้งนั้น เส้นทางการเดินทางมาเวียดนาม นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิมออกเดินทางที่สถานีรถไฟเปียงยางพร้อมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโส รวมทั้งคิม โยจง น้องสาวของเขา ขบวนรถไฟกันกระสุนของเขาเข้าจีนที่เมืองต้านตง จากนั้นแล่นไปตามรางรถไฟของจีน ผ่านกรุงปักกิ่ง ลงไปยังเมืองเจิ้งโจว เมืองอู่ชาง เมืองหนานหนิง แล้วเข้าเวียดนามที่เมืองด่งดัง จากนั้นเปลี่ยนเป็นนั่งรถเบนซ์กันกระสุนมุ่งหน้าเข้ากรุงฮานอยที่อยู่ห่างออกไป 170 กิโลเมตร แต่ละช่วงของการเดินทางแน่นอนว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดดังกล่าวข้างต้นช่วยป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิดได้ฉับพลัน รวมทั้งติดตั้งและสแกนโลหะ พร้อมเจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัยทีมาพร้อม เครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) เพื่อตรวจความปลอดภัยแต่ละช่วงของการเดินทาง รถไฟกันกระสุน & ตระกูลนายคิม จองอึน เหตุทีผู้นำเกาหลีเหนือไม่ขึ้นเครืองบินแต่กลับนั่งรถไฟกันกระสุนและรถกันกระสุน เพราะตระกูลคิมตั้งแต่รุ่นนายคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือและปู่ของนายคิม จองอึน จนถึงนายคิม จองอิล บิดาของนายคิม และตัวเขาล้วนชอบการเดินทางด้วยรถไฟ ขบวนรถไฟของนายคิมคล้ายกับที่ปู่และบิดาเคยใช้ มีทั้งหมด 21 ตู้ขบวน มีตู้ประชุมสีขาวล้วน ตู้รับประทานอาหาร ตู้นอน บางตู้มีชุดเก้าอี้หนังสีชมพูเข้ม จอโทรทัศน์ขนาดใหญ่และผ้าม่านหน้าต่างสีงาช้าง รถไฟขบวนพิเศษนี้เชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม แล่นบนรางรถไฟจีนได้สูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกือบสองเท่าของที่ทำความเร็วได้สูงสุด 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อแล่นบนรางรถไฟเกาหลีเหนือ คณะผู้ติดตาม เจ้าหน้าที่อารักขา ความปลอดภัย ระดับโลก ส่วนคณะผู้ติดตามที่เหลือเดินทางมาเวียดนามด้วยเครื่องบินลำเลียงของแอร์โครยอที่เป็นสายการบินแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายราว 100 คนที่ตัดผมและแต่งกายเหมือนกันหมดตบเท้าลงจากเครื่องบินที่ท่าอากาศยานฮานอยก่อนหน้าที่ผู้นำเกาหลีเหนือจะเดินทางมาถึงเพื่ออารักขาและเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด นอกจากนี้เครื่องบินลำนี้ยังขนรถเบนซ์รถกันกระสุน ที่นายคิมใช้เมื่อซัมมิตครั้งแรกกับทรัมป์ที่สิงคโปร์เมื่อก่อนหน้านี้มาแล้ว กลุ่มทหารในชุดลายพรางพร้อมเครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) ดีที่สุด ครบมือกระจายทั่วบริเวณนั้น ทหารอีกหลายกลุ่มเร่งติดตั้งอุปกรณ์วิทยุสื่อสารและอุปกรณ์ต่าง ๆ บนหลังคาอาคารใกล้เคียง โดยมีตาข่ายลายพรางคลุมอุปกรณ์ไว้ ผลสำเร็จ ประชุมสุดยอด (ซัมมิต) ณ เวียดนาม ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการการอารักขาผู้นำทั้ง 2 ประเทศ จะว่าไปแล้วการเป็นบุคคลสำคัญที่ชีวิตมีผลกระทบต่อความเป็นไปของโลก ก็ดูจะลำบากเหลือเกิน แต่ประเทศเจ้าภาพอย่างเวียดนามก็คงงานหนักเอาเรื่อง เพราะคงไม่อยากให้มีเหตุการณ์อะไรไม่ดี มาเกิดขึ้นกับคนสำคัญในบ้านเมืองของตนเองด้วยเหมือนกัน จึงได้จำเป็นต้องเสริมมาตราการความปลอดภัยให้มั่นใจว่าประชุมสุดยอด (ซัมมิต) ครั้งที่สอง ประสบผลสำเร็จ และเป็นประวัติศาสตร์สำหรับประเทศเจ้าภาพ Cr.สำนักข่าวไทย,Spring News โตเกียวติดตั้ง เครื่องตรวจโลหะ รถไฟใต้ดิน รองรับ โอลิมปิก 2020
ในสนามบินใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก เริ่มมีการติดตั้ง เครื่องตรวจโลหะ ชนิด เครื่องสแกนร่างกาย (Full Body Scanner) ที่ผู้โดยสารต้องเข้าไปยืน ยกมืออยู่นิ่งๆ สักพัก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูผลการสแกนจากหน้าจอ เครื่องสแกนร่างกายนี้ สามารถตรวจจับโลหะได้ละเอียดขึ้น ไม่เพียงเฉพาะโลหะเท่านั้น แต่ยังสามารถตรวจหาวัตถุอื่นๆ ที่ไม่ใช่โลหะ ที่ซ่อนอยู่ตามร่างกายได้ด้วย ให้ความแม่นยำสูง เครื่องสแกนร่างกายถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายขึ้นหลังโศกนาฏกรรม 9/11 ที่สหรัฐอเมริกา ขณะที่กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นจะทดลองติดตั้งเครื่องสแกนร่างกายผู้โดยสาร ที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว เพื่อเตรียมความพร้อมความปลอดภัยก่อนหน้ามหกรรมโตเกียวโอลิมปิก 2020 ติดตั้งเครื่องสแกนร่างกาย ตรวจจับโลหะ รถไฟใต้ดิน โตเกียวเมโทร รถไฟใต้ดิน โตเกียวเมโทร ติดตั้งเครื่องสแกนร่างกาย(Full Body Scanner) โดยจะเริ่มติดตั้งที่สถานีคาซูมิกะเซกิ ของเส้นทางรถใต้ดินโตเกียวเมโทรก่อน หนึ่งในสถานีที่คับคั่งที่สุดในกรุงโตเกียว โดยจะติดตั้งเครื่องสแกนที่ประตูตรวจตั๋ว เป็นเวลา 7 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งเวลาเร่งด่วนที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในช่วงเช้าและเย็น เพื่อทดสอบว่าจะสามารถตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิดที่แอบแฝงมากับผู้โดยสารได้หรือไม่ หน้าจอเครื่องโลหะจะบอกทุกสิ่งที่ซ่อนอยู่ตามร่างกายป้องกันการแอบเอาวัตถุแปลกปลอมขึ้นรถไฟใต้ดิน โดยไม่ทำให้การเดินทางของผู้โดยสารติดขัดหรือเกิดความล่าช้า เครื่องสแกนร่างกาย & เครื่องตรวจโลหะ เครื่องสแกนร่างกายตรวจโลหะ มีข้อดีกว่าเครื่องตรวจโลหะทั่วไป ตรงที่มีความแม่นยำ และมีความรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องถอดแจ็กเกตออกก็ได้ ลดการเสียเวลาของการตรวจค้นร่างกายด้วย เครื่องตรวจโลหะ (Metal Detector) ไปได้มาก ทั้งการตรวจค้นร่างกายด้วยเครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) และ ตรวจผ่าน เครื่องสแกนร่างกาย(Full Body Scanner) หากเจ้าหน้าที่ไม่แน่ใจ ก็จะมีการตรวจค้นอีกครั้ง ด้วย เครื่องตรวจโลหะแบบพกพา และใช้มือค้นตามร่างกาย เป็นการตรวจตามมาตรฐานสากล ออกกฎ ห้ามนำมีดและของมีคม ขึ้นรถไฟทั่วประเทศญี่ปุ่น เครื่องสแกนร่างกาย(Full Body Scanner)นี้เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามบิน สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ซุกซ่อนในเสื้อผ้าได้ทั้งหมด มีประสิทธิภาพสูงกว่า เครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) ทั่วไป กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นระบุว่า การทดลองครั้งนี้เพื่อรวบรวมข้อมูล เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุคนร้ายใช้มีดแทงผู้โดยสารบนรถไฟความเร็วสูงชิงกังเซ็ง เมื่อปีที่แล้ว ทางกระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นจึงได้สั่งออกคำสั่งห้ามนำมีดและของมีคมที่ไม่มีปลอกห่อหุ้มขึ้นรถไฟทั่วประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ ความเป็นส่วนตัว สำหรับ การใช้เครื่องสแกนร่างกาย วัตถุที่สามารถใช้ในการก่อเหตุร้ายได้ ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นอาวุธที่มีส่วนประกอบของโลหะ จึงส่งผลต่อวัตถุโลหะทุกอย่างที่เราจำเป็นต้องถือติดตัวไปด้วย ทั้งหัวเข็มขัด กระเป๋าสตางค์ เหรียญต่างๆ พวงกุญแจ นาฬิกาข้อมือ รองเท้าบางประเภท เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องสแกนร่างกายก็มีความวิตกกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว กระทรวงคมนาคมจึงแจ้งว่า ผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์จะผ่านเครื่องสแกนก็สามารถใช้ทางเข้าที่ประตูอื่นทีใช้เจ้าหน้าทีตรวจวัตถุด้วย เครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) ส่วนประตูที่ติดตั้งเครื่องสแกนนั้น ผู้โดยสารเพียงแค่เดินผ่านตามปกติ ไม่ต้องหยุด และไม่มีการสแกนสัมภาระ โดยคาดว่าจะในระยะทดลองนี้จะมีผู้โดยสารราววันละ 150,000 คน ยกระดับความปลอดภัย ก่อน กีฬาโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นระบุว่า กำลังศึกษามาตรการและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก จำเป็นต้องติดตั้ง อุปกรณ์ตรวจโลหะ เช่น เครื่องตรวจโลห แบบพกพา เหมาะสำหรับตรวจรักษาความปลอดภัยบุคคล เพื่อตรวจจับโลหะทีเป็นอาวุธและอุปกรณ์ทีมีส่วนผสมของโลหะ เช่น มีด ปืนพก วัตถุระเบิด เหล็ก รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ และ ติดตั้ง เครื่องสแกนร่างกาย(Full Body Scanner) ตามสถานีรถไฟต่าง ๆๆ สามารถที่จะแจ้งเตือนได้อัตโนมัติหากพบวัตถุที่มีหน้าตาเหมือนกับที่ระบบได้โปรแกรมไว้ เช่น ปืน, มีด, มีดพับ, กรรไกร, ลูกกระสุน, ฯลฯ บนหน้าจอ รวมถึงวัตถุเสมือนระเบิด หรือวัตถุที่อาจเป็นส่วนผสมของระเบิด ที่ผู้โดยสารอาจนำไปประกอบเป็นระเบิดได้ในภายหลัง Cr.ผู้จัดการ,Spin9.me ลดน้ำหนัก จากการ “กินแตงกวา”
ก่อนหน้านี้เทรนสายญี่ปุ่นด้วยการลดน้ำหนักที่ฮอตฮิตด้วยสูตรกล้วยลดน้ำหนักอันโด่งดังของญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน เรามาฟื้นความทรงจำกันอีกสักรอบ สูตรนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ Metabolism ของร่างกายเรา แนะนำโดยชายชาวญี่ปุ่นที่ชื่อฮามาจิ ซึ่งภรรยาของเค้าที่เป็นเภสัชกรที่ศึกษาด้านโภชนบำบัดและเวชศาสตร์การป้องกัน เป็นผู้แนะนำและดูแลโภชนาการที่ถูกต้องให้กับเค้า จากการวัดผลน้ำหนักตัวจริงจาก เครื่องชั่งน้ําหนัก ก่อนและหลัง สามารถวัดน้ำหนักร่างกาย มวลไขมัน มวลกระดูก มวลน้ำ มวลกล้ามเนื้อ ดัชนีมวลกาย และอัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐาน รวมทั้งหมดไว้ในเครื่องเดียว ผลที่ได้เขาสามารถลดน้ำหนักลงได้ตามที่ใจต้องการ อีกทั้งยังมีสุขภาพดีขึ้นด้วย วิธีลดน้ำหนัก ด้วย กล้วยหอม วิธีการง่ายมากเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ Metabolism โดยอาศัยหลักการที่ว่าเมื่อเส้นใยในกล้วยหอมเจอกับน้ำเปล่า มันจะไปขยายตัวในท้อง และช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ให้สะอาด สลายไขมันที่อุดตันอยู่ในเส้นเลือดออกมาได้ด้วย ซึ่งวิธีการลดน้ำหนักด้วยกินกล้วยมื้อเช้าที่นิยมได้แก่ กล้วยหอมและกล้วยน้ำว้า แล้วให้งดอาหารประเภทอื่น ให้กินเฉพาะกล้วยกี่ผลก็ได้จนกว่าเราจะรู้สึกอิ่ม แต่ต้องกินคู่กับน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องเท่านั้น ค่อยๆเคี้ยวช้าๆให้ละเอียด ดื่มน้ำตามมากๆ หากกินกล้วยไปหลายลูกแล้วแต่ยังรู้สึกหิว เพราะร่างกายยังไม่ชินกับการกินกล้วยมื้อเช้า แนะนำว่าอาจหาอะไรอย่างอื่นกินได้ในปริมาณที่จำกัด แต่ต้องผ่านการกินกล้วยไป 15 – 30 นาที เทรนด์ ลดน้ำหนัก ด้วย แตงกวา ส่วนปีนี้ที่มาแรงมากๆสำหรับเทรนด์การลดน้ำหนักของคนญี่ปุ่นในตอนนี้ก็คือ การกินแตงกวา จากการลงตีพิมพ์ในหลายๆบทความว่า มีบางคนกินแต่แตงกวาอย่างเดียวสามารถลดน้ำหนักลงได้ 11 กิโลกรัมภายใน 2 เดือน ทีวัดผลกันจริงจังด้วย เครื่องชั่งน้ําหนัก ลดน้ำหนักได้จริง ที่ฮิตกันขนาดนั้นก็เพราะ มีผลวิจัยเพิ่มออกมาว่า แตงกวา เป็นผักที่ มีเอนไซม์ชื่อ "phospholipase" ที่มีคุณสมบัติสลายไขมันและขจัดเซลลูไลท์อยู่ในปริมาณมากกว่าผักชนิดอื่น มีเส้นใยอาหารสูง มีแคลอรีต่ำ จึงถือว่าเป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลดน้ำหนัก แต่ไม่แนะนำให้กินแตงกวาเพียงอย่างเดียว ควรกินอาหารชนิดอืนๆตามไปด้วยเป็นขั้นตอนจากคำแนะนำด้านล่าง แตงกวาช่วยเรา ลดน้ำหนัก ได้อย่างไร แตงกวามีแร่ธาตุ เอนไซม์และน้ำเป็นส่วนประกอบมากมาย จึงเหมาะกับเป็นอาหารลดน้ำหนักได้อย่างดี ช่วยสลายไขมันและขจัดเซลลูไลท์ เพราะกินมากก็จะไม่ทำให้อ้วน แตงกวา 100 กรัม ให้พลังงาน 19 กิโลแคลอรี่เท่านั้นแล้วแตงกวา มีวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ แตงกวาทำหน้าที่เหมือนเป็นยาขับปัสสาวะ เหมาะกับคนที่ไตไม่ดี หรือมีอาการบวมน้ำ มีส่วนช่วยขับแอลกอฮอลล์ออกมาจากร่างกายผ่านปัสสาวะ จึงช่วยกำจัดอาการเมาค้าง ผู้เชี่ยวชาญการดูแลน้ำหนักชาวญี่ปุ่น มีหลักการง่ายๆมาแนะนำแบบไม่ทรมานตัวเอง คือ การเรียงลำดับอาหารที่กินให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนดังนี้ วิธี ลดน้ำหนัก ด้วยการกินแตงกวา 1.กินอย่างไรไม่ให้อ้วน เริ่มต้นด้วยการกินแตงกวา 1-2 ลูก ก่อนทุกครั้ง โดยเคี้ยวช้าๆ เนื่องจากแตงกวานอกจากมีคุณสมบัติในการช่วยสลายไขมันและขจัดเซลลูไลท์ ช่วยลดน้ำหนักชั้นยอดแล้ว ยังมีเนื้อที่ค่อนข้างแข็ง ฉะนั้น เราก็จะต้องเคี้ยวนานกว่าผักชนิดอื่น และยิ่งเคี้ยวนานเท่าไร ก็จะทำให้กระเพาะของเรารับรู้การอิ่มได้เร็วขึ้น เราจึงควรเลือกหยิบแตงกวาเข้าปากเราก่อน 2.กินผักต้มหรือผักลวกตาม เนื่องด้วยแตงกวามีคุณสมบัติทำให้ร่างกายเย็น ฉะนั้นเพื่อเป็นการปรับสมดุลอุณหภูมิของร่างกายเราก็ต้องกินผักลวกที่อุ่นขึ้นตามเพื่อรักษาระดับการเผาผลาญของร่างกาย 3.ซดซุปผักใส่มิโซะ นอกจากเพื่อเพิ่มอรรถรสในการกินแล้วคุณสมบัติของมิโซะอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่วยชะลอการทำงานของไขมันและปรับสมดุลการทำงานของกระเพาะได้ด้วย 4.กินอาหารที่มีโปรตีนและปรุงด้วยผักเป็นหลัก เพื่อสร้างกล้ามเนื้อทดแทนไขมัน วิธีนี้กินอย่างไรไม่ให้อ้วนก็ใกล้ความเป็นจริง 5.กินข้าวสวยในปริมาณไม่เกิน 1 ถ้วยเล็กเป็นลำดับสุดท้าย แม้แป้งจากข้าวอาจเป็นตัวสร้างน้ำหนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อสุขภาพที่ดี แต่หากเราจำกัดปริมาณเพียงถ้วยเล็กก็ทำให้ได้สมดุลดี แต่เนื่องจากเราจัดมากินในลำดับสุดท้ายหลังจากกินหลายอย่างไปจนช่องว่างในกระเพาะเราเหลือน้อยลง เราก็จะกินข้าวน้อยลงนั่นเอง เสริมมื้อเย็น แบบเบาๆ กินอย่างไรไม่ให้อ้วน แนะนำให้กินมื้อเย็นเร็วขึ้นและพยายามกินไม่เกิน 6 โมงเย็น แต่หากติดธุระ ดึกสุดก็ไม่ควรกินอะไรหลัง 2 ทุ่ม อย่ากินมื้อเย็นตอนดึก เป็นเรื่องสำคัญมากมากที่คุณต้องไม่กินอาหารใดเลยอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะร่างกายต้องการแคลอรีน้อยมากตอนหลับ กินอะไรเข้าไปก็จะเป็นส่วนเกินทั้งนั้น เพียงเท่านี้น้ำหนักของคุณบน ตาชั่ง เครื่องชั่งน้ําหนัก ก็ลดลงจนหน้าใจหาย เครื่องชั่งน้ําหนัก ยังสามารถวัดมวลไขมัน มวลกระดูก มวลน้ำ มวลกล้ามเนื้อ ดัชนีมวลกาย และอัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐานได้อีกด้วย รู้น้ำหนักแล้วยังรู้ว่าเรามีสุขภาพดีขึ้นอย่างไรบ้าง Cr.มติชน,สนุก,healthy2balance Smart Bus Terminal ระบบติดตาม รถทัวร์ บขส
กรมการขนส่งทางบก เปิดตัวระบบ “Smart Bus Terminal” ระบบติดตามรถโดยสารประจำทางแบบเรียลไทม์ ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากระบบ GPS Tracking และ เครื่องรูดบัตร แถบแม่เหล็ก ซึ่งกรมการขนส่งทางบก กำหนดให้ติดตั้งจีพีเอสติดตามรถทัวร์ บขส ทุกคัน ระบบ “Smart Bus Terminal” มีระบบควบคุมการเดินรถโดยสารประจำทางและจอแสดงผลข้อมูลการเดินทางอัตโนมัติภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางบกและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ช่วยผู้โดยสารวางแผนการเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลารอรถนาน ผู้โดยสารสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android ดูตารางการเดินรถทัวร์ บขส ทั้งขาเข้าและขาออกแบบเรียลไทม์ผ่านมือถือสมาร์ทโฟน จีพีเอสติดตามรถ บขส สำหรับระบบ “Smart Bus Terminal” ที่ใช้ประโยชน์จากระบบ GPS Tracking จีพีเอส เรียลไทม์ ที่มาพร้อมกับ เครื่องรูดบัตร สำหรับรูดใบขับขี่ ที่ติดตั้งภายในรถทัวร์ บขส ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เพื่อสร้างมาตรฐานการเดินทางและมาตรฐานสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในการตรวจสอบตำแหน่งรถทัวร์ บขส ที่ติดตั้งจีพีเอสติดตามรถ ได้จากฐานข้อมูล GPS ที่มีประสิทธิภาพของกรมการขนส่งทางบก ทำให้รู้เวลารถเข้าออกสถานีขนส่งผู้โดยสารล่วงหน้า และแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทราบข้อมูลออนไลน์แบบ Real-time ตารางการเดินรถ สถานีขนส่งผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามจะมีการติดตั้งจอแสดงตารางการเดินรถทัวร์ บขส ขาเข้าและขาออก จำนวน 2 จุด ภายในแต่ละสถานีขนส่งผู้โดยสารที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางบกและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 81 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏในจอแสดงข้อมูลการเดินทางของรถทัวร์ บขส ที่ติดตั้ง จีพีเอสติดตามรถ และ เครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็ก เพื่ออ่านใบขับขี่ ข้อมูลประกอบด้วย ทะเบียนรถ มาตรฐานรถ สายรถ เส้นทาง เวลาเข้า เวลาออก ชานชาลา และสถานีขนส่งผู้โดยสารปลายทาง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถวางแผนเดินทางได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอคอยรถโดยสารเป็นเวลานาน เป็นการยกระดับความเชื่อมั่นในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ จีพีเอส เรียลไทม์ที่สามารถวางแผนการเดินทาง บริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่าและลงตัว แอปพลิเคชั่น Smart Bus Terminal ระบบ Smart Bus Terminal นอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ เพิ่มความสะดวกคล่องตัว ช่วยวางแผนการเดินทางรถทัวร์ บขส ได้อย่างมั่นใจ และบริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่าลงตัวแล้ว จอแสดงผลที่ติดตั้งในสถานีขนส่ง ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารสำคัญสู่ประชาชน ทั้งการรณรงค์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว กิจกรรมภายในชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านทางแอปพลิเคชั่น Smart Bus Terminal บนมือถือสมาร์ทโฟน ทั้งในระบบ iOS และ Android ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย และอีกไม่นานก็จะเชื่อมโยงไปยังตารางการเดินรถไฟ และตารางเที่ยวบินในแต่ละท่าอากาศยานภายในประเทศ Cr.ไทยโพสต์ ,VoiceTV กรมการขนส่งฯ หนุนใช้ รถมินิบัสแทนรถตู้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะของประชาชน กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งนำรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) ที่ได้มาตรฐานมาให้บริการประชาชน ทดแทนรถตู้โดยสารสาธารณะ โดยให้ผู้ประกอบการเริ่มทยอยเปลี่ยนรถมินิบัส ทดแทนเฉพาะรถตู้โดยสารที่มีอายุการใช้งานครบ 10 ปี ได้แก่ รถตู้โดยสารประจำทาง หมวด 2 ที่วิ่งเส้นทางกรุงเทพ–ต่างจังหวัด และรถตู้โดยสารประจำทาง หมวด 3 วิ่งเส้นทางระหว่างจังหวัดกับจังหวัดที่มีจุดจอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 รถตู้โดยสาร ติดตั้ง GPS Tracking ส่วนรถตู้โดยสารประจำทาง หมวด 1 ที่วิ่งเส้นทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล หมวด 3 ที่วิ่งเส้นทางระหว่างจังหวัดกับจังหวัดที่ไม่มีจุดจอดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง และหมวด 4 ที่วิ่งในท้องที่ จะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนเป็นรถโดยสารขนาดเล็ก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ รถโดยสารสาธารณะทุกประเภทรวมทั้งรถตู้ (ยกเว้น รถสองแถว) รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ (10 ล้อขึ้นไป) ต้องติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบก โดยจัดเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลการใช้ความเร็ว, ชั่วโมงการขับขี่ และตำแหน่งพิกัดดาวเทียมของรถ ที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ขับรถ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถยนต์สาธารณะ รถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารการขนส่งทางบกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ติดตั้ง เครื่องรูดบัตร แถบแม่เหล็ก ระบบความปลอดภัย จะให้คนขับรถโดยสารสาธารณะต้องรูดใบขับขี่สาธารณะผ่าน เครื่องรูดบัตรก่อนขับรถโดยสารสาธารณะหากไม่รูดบัตรหรือใช้ใบขับขี่ผิดประเภทจะมีเสียงร้องเตือนจนกว่าจะใช้ใบขับขี่ที่ถูกประเภทพอรูดเสร็จ เครื่อง GPS จะส่งข้อมูลคนขับรถและตำแหน่งพร้อมความเร็วไปยัง Server ของผู้ติดตั้งระบบ GPSโดยผ่านระบบเครือข่ายสัญญาณมือถือ 3G/4G ผู้ประกอบการสามารถดูตำแหน่งรถโดยสารสาธารณะและรายงานต่าง ๆ ได้ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ สามารถดูตำแหน่งย้อนหลังได้ 6 เดือน ข้อมูลจะถูกส่งตรงไปยังกรมการขนส่งทางบกตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ รถโดยสารขนาดเล็กหรือมินิบัสที่นำมาทดแทนรถตู้ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ติดตั้งระบบความปลอดภัย รถมินิบัส ระบบความปลอดภัย รถโดยสารมาตรฐาน 2 (จ) จำนวนที่นั่งไม่เกิน 20 ที่นั่ง (ที่ไม่ใช่ลักษณะรถตู้) และรถโดยสารมาตรฐาน 2 (ค) จำนวนที่นั่งตั้งแต่ 21 – 30 ที่นั่ง ซึ่งรถทั้งสองมาตรฐานจะมีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรง ทำให้มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงขึ้น พร้อมกำหนดให้ติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบ เช่น ระบบเบรกแบบ ABS (Anti-lock Brake System) หรือระบบห้ามล้อแบบอื่นที่มีมาตรฐานเท่ากันหรือสูงกว่า ติดตั้ง GPS Tracking มาพร้อมกับ เครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็กเพื่อใช้อ่านใบขับขี่สาธารณะ และอุปกรณ์แสดงผลความเร็ว (Speed Monitor) มีทางออกฉุกเฉิน ค้อนทุบกระจก และถังดับเพลิง เป็นต้น บขส. ทยอยเปลี่ยน รถมินิบัสแทนรถตู้ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ขานรับนโยบายรถมินิบัสทันที และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนมาใช้รถมินิบัสทดแทนรถตู้โดยสารที่มีอายุใช้งานเกิน 10 ปีแล้วในหลายเส้นทาง เช่น เส้นทางกรุงเทพ–กำแพงเพชร, กรุงเทพ–ตราด, กรุงเทพ–พัทยา, จันทบุรี–ระยอง, นครศรีธรรมราช–หาดใหญ่, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ–เกาะช้าง รวมถึงเส้นทางจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา 3 เส้นทาง ไปยังตราด, ระยอง, ชลบุรี ที่เปิดให้บริการตามนโยบายรถโดยสารเชื่อมสนามบินสู่ชุมชนของกระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก ทั้งนี้ บขส. จะทยอยเปลี่ยนรถตู้โดยสารสาธารณะให้ครบถ้วนทุกเส้นทางเพื่อเป้าหมายความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน Cr.สยามธุรกิจ รถแท็กซี่ เตรียมติดป้าย 'รถคันนี้ ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร'
จากการสำรจปีที่ผ่านมาของผู้ใช้บริการแท็กซี่ ที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 1,250 ราย ที่พบปัญหาการใช้บริการจากมากไปน้อยตามนี้ ร้อยละ 82.50 มาจากการปฏิเสธผู้โดยสาร รองลงมาเป็นปัญหาสภาพรถเก่า แอร์ไม่เย็น มีกลิ่นเหม็น ร้อยละ 28.09 ระบุว่าคนขับอ้อมเส้นทาง ส่วนอีกร้อยละ 25.64 ระบุว่าผู้ขับขี่พูดจาไม่สุภาพ มีกิริยาไม่ดีกับผู้โดยสารหรือผู้ใช้รถใช้ถนน ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่ได้พบเจอ คือ เรื่องการขับรถเร็ว เบรคกะทันหัน ฝ่าไฟแดง จอดรถในที่ห้ามจอด ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ผู้ขับขี่ไม่ชำนาญเส้นทาง ผู้ขับขี่ไม่ทอนเงินค่าโดยสาร ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ รูปบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ไม่ตรงกันกับ ใบขับขี่รถสาธารณะ และ ถามเรื่องส่วนตัว เปิดวิทยุเสียงดัง พูดเรื่องการเมือง รถแท็กซี่ ไม่ปฎิเสธ ผู้โดยสาร เริ่มเดือนนี้ ปัญหาดังกล่าว นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เปิดเผยว่า สมาคมผู้ประกอบการแท็กซี่ต้องการยกระดับคุณภาพบริการแก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะปัญหาหลักก่อน คือการปฏิเสธผู้โดยสารซึ่งก่อความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้บริการอย่างมาก โดยในเดือนนี้รถแท็กซี่ทั่วประเทศภายใต้การดูแลของสมาคมจะเริ่มติดสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความ 'รถคันนี้ ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร' บริเวณหน้ากระจกรถด้านซ้าย สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันมีสมาชิกผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลประมาณ 15,000 คัน จากทั้งหมดที่วิ่งให้บริการจริงกว่า 80,000 คัน รวมถึงในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จำนวน 3,000 คัน และ จ.เชียงราย จำนวน 600 คัน ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนคุณภาพบริการของระบบขนส่งสาธารณะและคัดค้านการให้บริการของรถป้ายดำที่ไม่มี ใบขับขี่สาธารณะ นำออกมารับส่งผู้โดยสารอย่างผิดกฎหมายและ อีกด้วย ปรับปรุงระบบ คิดค่าบริการรถติด รถที่ติดสติ๊กเกอร์' รถคันนี้ ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร' จะไปในทุกที่ ทุกเวลา และกดมิเตอร์ตามปกติ ทำเพื่อหาแนวทางคัดค้านรถป้ายดำ เพราะว่ารถป้ายดำทำผิดกฎหมาย อยู่เหนือกฎหมาย ส่วนรถแท็กซี่อยู่ในกฎหมาย ทำตามกติกาที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด สมาคมพร้อมที่จะปฏิวัติวงการแท็กซี่ ขับเคลื่อนการให้บริการใหม่ๆ นอกจากนี้ การจราจรที่ติดขัดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คนขับแท็กซี่เลือกที่จะปฏิเสธผู้โดยสาร เพราะแม้จะมีการกำหนดอัตราค่าโดยสารช่วงรถติดไว้ แต่ในความเป็นจริงคนขับไม่เคยได้รับ เพราะ มิเตอร์รถแท็กซี่ส่วนใหญ่ขณะนี้ยังเป็นรุ่นเก่าไม่มีระบบทดเวลา ไม่เหมือน แท็กซี่โอเค รุ่นใหม่ทีรองรับระบบทดเวลาให้แล้ว เลียงเส้นทางรถติด ปัญหาคนกรุงเทพฯ อย่างกรณี รถติด 50 วินาที ขยับรถได้ครู่หนึ่ง แล้วก็รถติดอีก 50 วินาที แทนที่จะบวกกันเป็นนาทีกว่าๆ เพื่อที่จะได้ค่ารถติด 2 บาท แต่มิเตอร์ไม่ได้จดจำมาบวกกันดังกล่าวแต่ไปนับใหม่ จึงอยากให้กรมการขนส่งทางบกเข้ามาช่วยเรื่องการเปลี่ยนมิเตอร์ของแท็กซี่ทุกคัน ทั่วกรุงเทพฯ ตามโครงการรถสาธารณะปลอดภัย ติดตั้งระบบจีพีเอสและระบบ เครื่องรูดบัตรแถบแม่เหล็ก สำหรับ ใบขับขี่รถสาธารณะ และนำขอเสนอค่าโดยสารที่เป็นธรรมกับทั้งผู้ขับรถแท็กซี่และผู้โดยสารสำหรับรถติด ช่วงเวลารถติดจากเดิมคิดนาทีละ 2 บาท เพิ่มขึ้นนาทีละ 1 บาท รวมเป็นนาทีละ 3 บาท ลดภาระค่าแก๊สและน้ำมันช่วงเวลาทีรถติดมาก ๆ ในพื้นทีชุมชนรถเยอะทีใคร ๆ ก็อยากจะหลีกเลี่ยงแม้นแต่ประชนทั่วไปก้อไม่อยากขับรถไปแต่เลียงมาใช้แท็กซีแทน โครงการ Taxi OK (ติดตั้งระบบ GPS) สมาคมเตรียมยื่นหนังสือถึง รมว.คมนาคม ในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ โดยจะให้คงอัตราเริ่มต้นกิโลเมตรแรกที่ 35 บาท ขณะที่ช่วงเวลารถติดจากเดิมนาทีละ 2 บาท เพิ่มขึ้นนาทีละ 1 บาท เป็นนาทีละ 3 บาท เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งผู้ขับรถแท็กซี่และผู้โดยสาร ทั้งยั้งเป็นการแก้ไขปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร นอกจากนี้ จะเสริมเข้าไปด้วยคือเรื่องของการที่กรมการขนส่งทางบกเริ่มบังคับให้รถแท็กซี่เข้าโครงการ Taxi OK จำต้องติดตั้งระบบ GPS แต่ยังไม่ต้องติดตั้ง เครื่องอ่านบัตรแถบแม่เหล็กเพื่ออ่านใบขับขี่ เหมือนรถยนตร์สาธาณะอื่น ๆ ถ้าหากจะเข้าโครงการ แท็กซี่โอเค ทางสมาคมฯ อยากจะขอให้ช่วยเหลือแท็กซี่ที่ติดตั้งระบบ GPS เพราะว่าภาระต้นทุนที่สูงขี้นด้วย Cr.RYT9,BBC, รู้ไหมกว่าจะทำผ้าไหมได้แต่ละผืน ทำไมจึงใช้เวลานาน เพราะการสาวไหม 1 กระด้งด้วยวิธีของชาวบ้านก็กินเวลาเต็มๆ ไปถึง 1 วัน นักวิจัยราชภัฏสุรินทร์จึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ช่วยชาวบ้านด้วยการผลิต "เครื่องสาวไหม พลังงานแสงอาทิตย์" เครื่องมือใช้ง่ายไม่สิ้นเปลืองไฟฟ้า ที่สาวไหมได้เร็วกว่าถึง 8 เท่า
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อหนอนไหมสุกเป็นดักแด้และเริ่มพันไหมรอบตัวจนสมบูรณ์ ชาวบ้านจะนำรังไหมมาต้มในนำร้อน พร้อมกับตีด้วยไม้พายเพื่อเกี่ยวเส้นไหมให้ยืดยาวออกมาก่อนจะม้วนเก็บเข้าสู่อัก ด้วยการหมุนมือก่อนจะนำไปเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ในแต่ละวันจะทำได้เพียง 1 กระด้ง ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ มิติใหม่แห่งวงการผ้าไหมไทย กับเครื่องสาวไหม พลังงานแสงอาทิตย์ โดยฝีมือของคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ที่วันนี้ยกสิ่งประดิษฐ์อันภาคภูมิใจมาสาวไหมให้ดูกันแบบสดๆ กลางงานมหกรรมงานวิจัยภูมิภาค ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นายเอกราช นาคนวล ผู้ช่วยนักวิจัย กล่าวว่า เครื่องสาวไหม พลังงานแสงอาทิตย์ที่นำมาจัดแสดงเป็นผลงานการประดิษฐ์คิดค้นของ รศ.ดร.ชูชาติ พยอม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และคณะ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทุ่นแรงและทำให้การสาวไหมของชาวบ้านทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าพลังงานไฟฟ้าด้วยการใช้แผงโซล่าเซลล์ช่วยสะสมพลังงาน แผงโซล่าเซลล์นี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็น โคมไฟโซล่าเซลล์ (Solar Lamp) ได้อีกด้วย เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน อาจารย์ของเขาจึงริเริ่มการประดิษฐ์เครื่องสาวไหมแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขึ้น และพัฒนามาเรื่อยๆ จนในที่สุดได้เพิ่มระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามา การใช้พลังงานแสงอาทิตย์สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายอย่าง หรือแม้นกระทั้งพลังงานแสงสว่างผ่าน โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Lamp) ทำให้ในปีงบประมาณที่ผ่านมา โครงการวิจัยฯ ได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยภายใต้โครงการจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นายเอกราช นาคนวล ผู้ช่วยนักวิจัย อธิบายเพิ่มเติมว่า เครื่องสาวไหม พลังงานแสงอาทิตย์ทำขึ้นจากเหล็กทั้งตู้ มีน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญด้วยกัน ได้แก่ สวิตซ์ควบคุม เป็นสวิทซ์กุญแจที่ใช้เปิดปิดการทำงานของเครื่องสาวไหม, เกจวัดระดับพลังงาน เป็นเกจที่บอกถึงระดับของพลังงานในแบตเตอรี่สำรอง โดยเมื่อมีพลังงานในแบตเตอรี่สำรองเต็มไฟจะมีสีเขียว ส่วนสีแดงคือเตือนให้เริ่มชาร์ตไฟ ส่วนที่ 3 คือ ชุดควบคุมความเร็วอักกรอ เป็นชุดสำหรับเพิ่มหรือลดความเร็วของอักตามชนิดของรังไหมแต่ละสายพันธุ์หรือแล้วแต่ความต้องการของผู้สาวไหม และชุดชาร์ตพลังงาน เป็นชุดที่ใช้สะสมพลังงานเข้าใน แบตเตอรี่สำรอง โดยชาร์ตได้เป็น 2 ระบบ ได้แก่ ระบบชาร์ตด้วยพลังงานแสงอาทิตย์โดยการเสียบปลั๊กเข้าที่ชาร์ตระบบไฟฟ้ากระแสตรง และระบบชาร์ตด้วยไฟฟ้าภายในบ้านที่ชาร์ตเข้ากับปลั๊กไปกระแสสลับ โดยการชาร์ตไฟแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ต่อการใช้งานต่อเนื่อง 2 วัน ตอนนี้เราผลิตเครื่องสาวไหม พลังงานแสงอาทิตย์ ออกมาได้ 4 เครื่องแล้วครับ แล้วก็แจกจ่ายไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ วิทยาเขตวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาทั้งหมด เพราะที่นั่นมีศูนย์ที่จะนำไปติดตั้งให้ชาวบ้าน สอนชาวบ้านใช้อีกที ซึ่งพอชาวบ้านได้ใช้เขาก็ชอบใจ เพราะมันใช้ง่าย คล้ายเครื่องเดิมที่เคยใช้อยู่ เพราะตอนออกแบบอาจารย์ก็ตั้งใจถอดมาจากเครื่องมือของชาวบ้านเลยเพื่อไม่ใช่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเขา ส่วนในอนาคตก็จะพัฒนาต่อเป็นเครื่องสาวไหมอีลี่ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการแต่สาวยากกว่า นายเอกราช นาคนวล ผู้ช่วยนักวิจัย กล่าวทิ้งท้าย Cr.ข่าวผู้จัดการ การพัฒนานวัตกรรมในโลกเทคโนโลยีสมัยใหม่ มักเน้นให้ผู้คนสามารถเข้าถึงพลังงานในรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวัน เช่น แบตสำรอง(Solar Charger) ที่ถูกย่อลงมาให้เล็ก จนพกพาไปไหนต่อไหนได้สะดวกสบายขึ้น ประหยัดเนื้อที่มากขึ้น และวันนี้ จะกล่าวถึง การพัฒนานวัตกรรมของการพกพาพลังงานสำรอง โดยไม่ต้องง้อปลั๊กไฟ และตอบโจทย์การใช้ชีวิต นั่นก็คือ กระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์ พลังงานแสงอาทิตย์(Solar Backpack)
Solgaard Design ผู้คิดค้นและพัฒนาได้คิดค้นกระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack)ที่มีความสามารถต่างๆ มากมายทั้ง แบตสำรอง(Solar Charger) พลังงานแสงอาทิตย์ ลำโพงบลูทูธ ระบบล็อค และการจัดการเก็บสัมภาระอย่างมีระเบียบสามารถใส่สัมภาระต่างๆเข้าไปได้เยอะ และยังเป็นระเบียบอีกด้วยซึ่งง่ายต่อการค้นหา โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะอยู่ในกระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์ เพียงใบเดียว กระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack) พลังงานแสงอาทิตย์ เพราะมีแผ่นโซลาร์ ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เอง เย็บติดกับกระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์ เมื่อใดที่ต้องการ ที่ชาร์ตแบตสำรอง(Power Bank) ก็สามารถเสียบชาร์จได้ทันที ไม่ต้องง้อปลั๊กไฟ ไม่เพิ่มค่าไฟฟ้าให้เปลืองเงินในกระเป๋า แถมยังเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย สามารถเก็บเกี่ยวสะสมกระเป๋าเป้,โซล่าเซลล์,พลังงานแสงอาทิตย์,แบตสำรอง,พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มารวมไว้ในแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Bank) วีถีของคนรุ่นใหม่ในแบบอเมริกันสไตล์ ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น พวกเขาได้มีโอกาสใช้กระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack) พลังงานแสงอาทิตย์ ที่บริษัท Solgaard Design ออกแบบและพัฒนาขึ้นมา ให้สามารถเก็บเกี่ยวสะสมพลังงานแสงอาทิตย์มารวมไว้ในแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Bank) ขนาดย่อมที่เย็บติดไว้ด้านหน้ากระเป๋า ซึ่งแผงโซลาร์เซลล์นี้ต่อเข้ากับแบตเตอร์รี่และมีช่องเสียบ USB จำนวน 2 ช่อง ทำให้คุณสามารถชาร์จอุปกรณ์พกพาต่างๆ ได้ในระหว่างเดินทาง รวมถึงส่งพลังงานไปยังลำโพงบลูทูธ ชาร์จแบตสำรอง ipad และแบตเตอร์รี่ไอโฟน 6 ได้เต็มที่ถึง 12 รอบเลยทีเดียว มั่นใจเลยว่าเพื่อนๆหลายๆคนต้องประสบกับปัญหาที่อยากจะแบกสัมภาระทั้งหลายไปในที่ต่างๆ อย่างเช่นไปเที่ยวในที่ต่างๆ แล้วมีความปลอดภัยเวลาวางสัมภาระเหล่านั้น กระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack) พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ทางผู้ออกแบบยังดีไซน์ให้มีระบบสายล็อคกระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack) ที่ทำด้วยสแตนเลสสตีลขนาด 6 มิลลิเมตร ไว้สำหรับล็อคกระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack)ป้องกันการถูกขโมยได้อีกด้วย โดยกระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์(Solar Backpack)นี้ยังสามารถล็อคไว้กับขาโต็ะหรือในที่ต่างๆ ได้เหมือนกับการล็อตจักรยานไว้ในที่ต่างๆ เพื่อกันการขโมย นอกจากคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการเก็บเกี่ยวพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว ความพิเศษอีกอย่างคือ กระเป๋าเป้ โซล่าเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ใบนี้ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้ากระเป๋า (Lifezone) สำหรับใส่อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็น ให้ง่ายต่อการหยิบจับ ส่วนช่องด้านหลัง (Workzone) นั้น มีไว้สำหรับจัดเก็บแล็ปท๊อป สมาร์ทโฟน หูฟังและเอกสารอื่นๆ แถมยังดีไซน์มาให้มีช่องลับ 4 ช่อง ไว้เก็บสิ่งของที่สำคัญๆ อีกด้วย โดยวัสดุที่ใช้ผลิตยังทนทานต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งยังปลอดภัยไร้กังวลเรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกิดการชำรุดหรือเสียหายด้วย เศรษฐกิจของโลกเรา ขับเคลื่อนไปได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า หากขาดพลังงานไฟฟ้า โลกคงหยุดชะงัก ยิ่งในช่วงที่พลังงานหลักใกล้จะหมด พลังงานทดแทนก็ได้เข้ามามีบทบาทความสำคัญกับชีวิตประจำวันเรามากขึ้น และยังนำมาใช้ได้ในรูปแบบที่หลากหลายอย่างไม่มีวันหมดด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลเป็นหลัก ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป ขอเชิญชวนให้ทุกคนช่วยกันตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างประหยัด เพื่อให้มีใช้ไปอย่างยาวนานถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน และรุ่นต่อๆไป ด้วยนะ Cr.ข่าว กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน ERS |
Blog by
|